ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้สั่งสินค้าบางอย่างจาก aliexpress เป็นของที่จำเป็นแต่ไม่เร่งด่วนอะไร ตอนที่สั่งก็ลืมคิดไปว่า ช่วงนี้มันเชื้อโรคแพร่...
ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้สั่งสินค้าบางอย่างจาก aliexpress เป็นของที่จำเป็นแต่ไม่เร่งด่วนอะไร ตอนที่สั่งก็ลืมคิดไปว่า ช่วงนี้มันเชื้อโรคแพร่ระบาดอยู่ จะมีเครื่องบินมาส่งของให้หรือเปล่า หรือจะมาทางเรือ แต่คิดไปคิดมา ไม่ว่าจะมาทางไหน เราก็ไม่ได้รีบอะไร และในความเป็นจริงแล้ว บริการทางด้าน logistic ยังคงดำเนินการอยู่ ไม่อย่างนั้นแล้วธุรกิจคงพังไปทั้งโลกใบนี้
ของที่สั่งจาก aliexpress ให้ทำใจไว้เลยว่า น่าจะส่งถึงเราประมาณ 1 เดือน แต่อาจจะเร็วกว่านั้น บางคนอาจจะได้เร็วสุด 2 สัปดาห์ นานสุดก็น่าจะ 1 เดือนนิดๆ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 20 วัน
เหตุผลที่ผมสั่งของจาก aliexpress ก็คือ ค่าส่งฟรี ตรงนี้เราก็ต้องดูว่า free shipping หรือเปล่า บางครั้งเราก็ต้องลองบวกค่าส่งกับค่าของดู เพราะบางครั้งรวมแล้วก็ถูกกว่าของที่บอกว่า free shipping อีกเหตุผลที่ต้องสั่งไกลจากต่างประเทศก็คือ สินค้าออนไลน์ที่ไทยจะเสียค่าส่ง ถึงแม้ว่าจะมีการออกค่าส่งให้บ้าง ยกตัวอย่างเช่น shopee แต่ระยะหลังผมเห็นว่า ไม่สามารถใช้ code บนเครื่อง pc ได้ ซึ่งปรกติผมจะใช้คอมพิวเตอร์สำหรับช๊อปปิ้งออนไลน์ ไม่ค่อยถนัดจะใช้ smart phone เนื่องจากมันค่อนข้างจะกดผิดได้ง่าย เพราะบางครั้งนิ้วมือบังเอิญไปโดนหน้าจออย่างไม่ตั้งใจอยู่บ่อยๆ และต้องมีความแม่นยำในการกดพอสมควร อีกทั้งอาจจะต้องพิมพ์ กรอกข้อมูลบัตร หรืออื่นๆ ซึ่งไม่สะดวกสำหรับผมเอาซ่ะเลย
ผมสั่งของออนไลน์ครั้งแรกก็ที่ aliexpress นี่แหละครับ หลังจากนั้นก็มาเน้นสั่งที่ shopee ด้วยเหตุผลเดียวคือ ราคาถูก แต่ระยะหลังๆ ชักไม่แน่ใจซักเท่าไร ผมอยากจะบอกว่าผมไม่เคยสั่งสินค้าจาก lazada เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่อนาคตไม่แน่ เพราะถ้าที่ไหนถูกกว่า ผมก็พร้อมจะย้ายไปที่นั่นเสมอ แต่แน่นอนว่า lazada คิดค่าส่ง อาจจะมีส่งฟรีบ้างในบางสินค้า แต่ด้วยสถานะการณ์เช่นนี้ที่ shopee มีการปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่าง ซึ่งถ้าไม่สามารถใช้ code ส่งฟรีทาง pc ได้ คงต้องลาขาดจากกัน เพราะถ้ารวมค่าส่งก็ไม่ได้ถูกกว่า ลองเปรียบเทียบบางสินค้าแล้ว lazada จะถูกกว่าเสียอีก
บางคนช็อปจนเคยชิน เคยซื้อกับที่ใดที่หนึ่ง แต่นั่นมันก็เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดของแต่ละที่ๆ จะมีระยะเวลาของโปรโมชั่นอยู่เพื่อให้คนเคยชินและเกิดการยึดติด
ผมของโพสเรื่องการซื้อสินค้าก่อนหน้านี้ เราควรจะเปิดใจลองสิ่งใหม่ๆ อย่าไปยึดติด เพราะของใหม่ๆ หลายครั้งก็ดีกว่า มันไม่ใช่ธุรกิจแบบโบราณที่ทำกันมา คือ แบรนด์นั่น แบรนด์นี้ดี แล้วจะไม่มีแบรนด์อื่นที่ดีเท่า หรือดีกว่า โลกยุคใหม่มันเปลี่ยนไป ตอนนี้เขาไม่ค่อนเน้นเรื่องคุณภาพกันแล้ว เค้าจะเน้นที่ราคา แข่งที่ราคากันเป็นหลัก เพราะคุณภาพมันต้องมีอยู่อย่างเหมาะสมในทุกๆ สินค้า นอกจากของสิ่งนั่นจะห่วยจริงๆ ซึ่งก็ไม่ค่อยจะมีให้เห็นมากนักในยุคนี้ คนสมัยนี้ค่อนข้างฉลาดพอที่จะเลือกและเปรียบเทียบ ไม่จำเป็นต้องเป็นแบรนด์ที่โด่งดังมาก ก็สามารถทำตลาดได้ แต่การตลาดก็ต้องมุ่งเฉพาะกลุ่มด้วยเช่นกัน
อย่างที่บอก คุณภาพมันมีอยู่อย่างเหมาะสม และประสิทธิภาพก็เช่นเดียวกัน ไม่ใช่ว่าคนทุกคน งานทุกงานจะต้องการของที่มีคุณภาพอย่างดีเลิศ เอาแค่พอใช้ได้ พอดีกับงาน และเข้ากับคนๆ นั้นได้ก่อพอ เราก็จะเห็นว่า สินค้าประเภทเดียวกัน หน้าตา ฟังก์ชั่นคล้ายๆ กัน แต่ราคาต่างกัน เพราะกลุ่มเป้าหมายต่างกัน
คนที่ซื้อของที่ราคาถูกกว่า คุณภาพต่ำกว่า ใช่ว่าเขาไม่มีรสนิยม แต่มันเหมาะสมกับเขาและงานของเขา งานต้องการของคุณภาพประมาณ 6 แต่ซื้อคุณภาพมาเต็ม 10 ซึ่งราคาก็แพงฉิบ แบบนี้เรียกว่าไม่ฉลาดซื้อ เพราะของทุกอย่างมันมีอายุ มันมียุคสมัย มันมีเพิ่ม เสริม เติม ปรับปรุ่งอยู่ตลอดเวลา และหลายครั้งเราก็ไม่ได้ใช้ของนั้นนานนักเราก็จะเปลี่ยน
สรุปว่า พยายามเปิดใจดูหลายๆ สิ่งที่อาจจะเหมาะกับเรา อย่ายึดติด แล้วเราจะพบอะไรใหม่ๆ ในชีวิตอีกมากมายครับ
COMMENTS