ภาษาโคราชเรียก "ปลวก" ว่า "ดินหุน" และ คำว่า "หน้า" ภาษาโคราชพูดว่า "หน่า" เพราะฉะนั้น หน่าดินหุน ก็...
ภาษาโคราชเรียก "ปลวก" ว่า "ดินหุน" และ คำว่า "หน้า" ภาษาโคราชพูดว่า "หน่า" เพราะฉะนั้น หน่าดินหุน ก็คือ หน้าปลวกนั่นเอง
ภาษาถิ่น เป็นภาษาที่ต้องรักษาไว้ เพราะยิ่งนานวันก็จะหลงลืมกันไป ถ้าไม่มี social network ท้องถิ่น ภาษาถิ่นก็คงจะจางหายไป หลายๆ ครั้งที่พบภาษาท้องถิ่นแสดงอยู่บน social network และหลายๆ ครั้งก็หลงลืมไปแล้วจนจำความหมายไม่ได้ ก็จะมีคนภายในท้องถิ่นที่กด like เพจนั้นมาแสดงความคิดเห็น แปลความหมายและยกตัวอย่างทำให้เราเข้าใจ และจำอดีตที่ผ่านมาได้
ในอดีต การพูดภาษาถิ่นอาจจะดูเป็นคนบ้านนอกคอกนา หลายคนอาจเจอปัญหาเวลาที่ย้ายเข้ามาเรียน หรืออาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ภาษากลางไม่แข็งแรงอาจถูกล้อได้ ซึ่งนั่นเป็นแค่ความสนุกสนานของคนที่ล้อ แต่บางครั้งคนที่ถูกล้อก็รู้สึกอับอาย
แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป ปัจจุบัน ค่อนข้างมีน้อยมากที่จะเหยียด หรือล้อเรื่องภาษา กับกลายเป็นว่าดูดี ดูน่ารักซ่ะมากกว่าที่ยังสามารถพูดภาษาถิ่น และรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่นได้
ผมเป็นคนโคราช แต่บางคนอาจคิดว่าคนโคราชพูดภาษาอีสาน ซึ่งไม่ใช่เลย คนโคราชหลายๆ คน หรืออาจจะส่วนใหญ่ไม่สามารถพูดภาษาอีสานได้ และผมก็เช่นเดียวกัน เพราะเราไม่ได้ใช้ภาษาอีสานในการพูดคุย แต่เป็นภาษาโคราชที่เป็นภาษาเฉพาะในเขตจังหวัดนครราชสีมาเท่านั้น
แต่ละเขต แต่ละอำเภอภายในจังหวัดนครราชสีมาก็มีสำเนียงภาษาโคราชที่อาจจะแตกต่างกันบ้าง แต่ก็จะมีภาษากลาง ที่เป็นภาษาโคราชแท้ๆ เหมือนกับภาษากลางกรุงเทพฯ เทียบกับภาษากลางสุพรรณบุรี หรือราชบุรีอะไรประมาณนั้น คือลักษณะของสำเนียงแต่เหน่อๆ หรือเพี้ยนวรรณยุกต์ไปบ้างบางคำ
ความจริงแล้ว ภาษาโคราชส่วนใหญ่ก็คล้ายๆ กับภาษากลาง เพียงแต่ออกเสียงเพี้ยนวรรณยุกต์ แต่ก็จะมีคำศัพท์เฉพาะท้องถิ่นอยู่ด้วยเช่นกันซึ่งแตกต่างจากภาษากลางอย่างสิ้นเชิง
ผมได้อ่านเจอบทความหนึ่ง แต่ไม่แน่ใจว่าถูกต้องมากกน้อยเพียงใด เอาเป็นว่าของเขียนไว้เป็น reference หนึ่งก็แล้วกัน เขาเขียนไว้ว่า ภาษาโคราชเป็นภาษาที่คนสมัยอยุธยาพูดกัน ในช่วงเวลานั้น(สมัยอยุธยา) ได้มีการเกณฑ์ประชาชนจากเมืองหลวง อยุธยา ในสมัยนั้นมาอาศัยอยู่ที่โคราช น่าจะแถวๆ อำเภอสูงเนิน ก่อนจะถึงตัวเมืองโคราชในปัจจุบัน และชาวเมืองอยุธยาสมัยนั้นที่ย้ายถิ่นฐานมายังโคราชก็พูดภาษานั้นตลอดมา ซึ่งเป็นภาษาดั่งเดิมที่เคยพูดในสมัยอยุธยา และสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน แท้จริงเป็นอย่างไรผมก็ไม่มั่นใจมากนัก เพราะไม่ค่อยมีข้อมูลมาก
ปลาร้าเป็นการถนอมอาหารชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในสมัยอยุธยาในอดีต แต่มีมาเมื่อไรไม่อาจจะทราบได้ แต่เป็นการถนอมอาหารอย่างหนึ่งของชาวอยุธยาในสมัยนั้น และได้แพร่กระจายออกไปเมื่อครั้นอยุธยามีความเจริญรุ่งเรืองและอพยพผู้คนไปอาศัยยังท้องถิ่นต่างๆ อันนี้ผมก็ได้ยินมาเหมือนกัน เท็จจริงอย่างไรก็ไม่ทราบ แต่ผมก็จดจำว่ามันเป็นแบบนี้มานานแล้ว หลายคนอาจคิดว่า "ปลาร้า" ต้นกำเนิดมาจากอีสาน แต่เท่าที่ผมทราบ ต้นกำเนิดมาจากภาคกลาง หรืออยุธยา ที่เป็นการถนอมอาหารที่แพร่หลายในสมัยนั้น
จบแค่นี้ดีกว่า อิอิ
COMMENTS