บล็อกนี้ถูกสร้างมานานหลายปี อยากจะเขียนอะไรตามใจมากกว่า แต่ก่อนหน้านี้ยังยึดติดกับหัวข้อ หรืออะไรบางอย่างที่อาจทำให้ไม่สามารถเขียนบล็อกได้อย...
บล็อกนี้ถูกสร้างมานานหลายปี อยากจะเขียนอะไรตามใจมากกว่า แต่ก่อนหน้านี้ยังยึดติดกับหัวข้อ หรืออะไรบางอย่างที่อาจทำให้ไม่สามารถเขียนบล็อกได้อย่างที่คิด กลับมาใหม่อีกครั้ง ตั้งใจว่าบล็อกนี้เขียนในลักษณะแบบไดอารีส่วนตัวก็พอ มีประโยชน์มากบ้าง น้อยบ้าง หรือไม่มีเลยก็แล้วแต่ แต่ตั้งใจจะเขียนและอัปเดทบ่อยๆ
เวลาเย็นๆ หรือพรบค่ำของแต่ล่ะวัน ปรกติก็ไม่ค่อยได้ทำอะไร ดูโน่นนี่ไปตามเรื่องรู้สึกไม่เกิดประโยชน์ และบางครั้งก็เครียดเพราะไม่มีอะไรทำ สรุปเองซ่ะเลยว่า เวลานี้เป็นเวลาที่ค่อนข้างว่าง เพราะตัวเราวางแผนชีวิตไว้แล้วว่าจะให้มันว่าง แต่ในความเป็นจริง คนเราจะอยู่ว่างๆ ไม่ได้ แบบไม่ทำอะไรเลยก็ต้องหายใจ ร่างกายภายในตัวเราก็ไม่เคยว่าง มันก็ทำงานตลอด มากกว่าจิตใจเราซ่ะอีก
เมื่อวานเขียนเรื่องการใส่หน้ากาก การเว้นระยะทางสังคม รู้สึกว่า ยิ่งเวลาผ่านไป คนเราจะการ์ดตกไปเรื่อยๆ ค่อนข้างจะประมาทในการใช้ชีวิต
เรื่องระเบียบวินัยสำหรับคนไทยถือว่าหย่อนยานมาก แต่ที่ทำให้เราผ่านพ้นวิกฤติโควิทมาได้เนื่องจาก คนไทยเป็นคนเชื่อฟังและปฏิบัติตาม (ในวงเล็บ "เมื่อสถานการณ์ถึงจุดหนึ่ง") ต้องเขียนว่า "ในวงเล็บ" ภายในวงเล็บอีกที่เพื่อเป็นการย้ำ
ถ้าเทียบกับคนทางฝรั่งยุโรป อเมริกาแล้ว เรื่องระเบียบวินัย การตรงต่อเวลาถือว่าดีเยี่ยม แต่ก็เป็นเรื่องแปลกที่ว่าฝรั่งมักเป็นคนดื้อ ไม่ปฏิบัติตามในสิ่งที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่สำหรับคนไทย หรือคนเอเชียแถบบ้านเรา หลายๆ เรื่องไม่ต้องผ่านการพิสูจน์ เราพร้อมจะปฏิบัติตามถ้าเรา "เชื่อ" หรือ ป้องกันไปก่อนไม่เสียหาย
ยังไงก็อย่าเพิ่งการ๋ดตกหมดน๊ะครับ หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล ถึงแม้จำนวนคนป่วยจะมีแน้วโน้มที่ลดลงหลายๆ ประเทศ แต่สำหรับบางประเทศนั้นกำลังพุ่งทะยาย ทำให้ยอดผู้ป่วยต่อวันยังสูงขึ้น
คนป่วยหลายๆ คนก็ไม่แสดงอาการ เรามองไม่เห็นเชื้อโรค เมืองไทยอาจจะปลอดจากเชื้อ แต่ต่างประเทศยังมีอยู่ อย่างน้อยก็มองไปอีกประมาณ 2 เดือนถึงจะเห็นความชัดเจนว่า มนุษย์เราสามารถควบคุมโรคนี้ได้จริง
COMMENTS