มีคนกลุ่มหนึ่งที่สนใจและตั้งคำถามอยู่ในใจมากมายในเรื่องของเวลาที่แตกต่างกันในแต่ละสถานที่ เวลาที่เรามีชีวิตอยู่นานแสนนาน แต่เป็นเพียงชั่วครู...
มีคนกลุ่มหนึ่งที่สนใจและตั้งคำถามอยู่ในใจมากมายในเรื่องของเวลาที่แตกต่างกันในแต่ละสถานที่ เวลาที่เรามีชีวิตอยู่นานแสนนาน แต่เป็นเพียงชั่วครู่เมื่อเทียบกับอีกที่หนึ่ง
เคยได้ยินเรื่องราวที่ว่า มีเทวดาองค์หนึ่งได้ถูกลงโทษให้มาเกิดเป็นมนุษย์เป็นเวลาเกือบร้อยปี นานแสนนานซ่ะเหลือเกินสำหรับเทวดาองค์นั้นที่ต้องมาเกิดและใช้ชีวิตอยู่บนโลก ตั้งแต่เริ่มต้นเกิดมา กว่าจะเดินคลาน เดินและวิ่งได้ ต้องค่อยเป็นค่อยไป จนเติบใหญ่จนมีครอบครัว ผ่านปัญหาอุปสรรคมากมาย บางครั้งก็เจ็บป่วย ทำงานตลอดเวลาจนวัยล่วงเลยถึงวัยชรา และจากโลกไป
เมื่อการลงโทษสิ้นสุดลง เทวดาองค์นั้นก็กลับมายังสวรรค์เช่นเดิม เพื่อนเทวดาถามไปว่า เมื่อวานถูกลงโทษเป็นอย่างไรบ้าง เทวดาองค์นั้นก็บอกว่า "แสนสาหัส" ที่ต้องใช้ชีวิตเกิดเป็นมนุษย์อยู่นานแสนนาน ซึ่งแท้จริงแล้วเวลาบนสวรรค์เพิ่งผ่านไปได้ประมาณ 1 วันเท่านั้นเอง
และจะมีการเปรียบเปรยในลักษณะที่ไม่ต่างกันกับเวลาในยมโลก หรือ นรก ที่เวลา 1 วันในนรกก็เท่ากับ 100 ปีบนโลกมนุษย์
ผมไม่เห็นว่าคนที่เล่าเรื่องเล่านี้จะรู้อะไรเกี่ยวกับกาลอวกาศมาก่อน ซึ่งถ้ารู้คงไม่ใช่หลักการทางวิทยาศาสตร์ที่เรารู้กันอย่างเช่นทุกวันนี้
แล้วเวลาที่คนสมัยก่อนพูดถึงมันคือเวลาของอะไร ที่ไหน มีที่มาที่ไปอย่างไร หรือเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมา ผมว่าหลายๆ คนก็สงสัยในเรื่องเหล่านี้และไม่สามารถหาคำตอบได้ ทำให้ผมไม่ค่อยแน่ใจนักว่า การที่เรามีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์นี้ คือ ชีวิตของเราจริงๆ หรือเปล่า
คำกล่าที่ว่า "พระเจ้ากำหนดไว้แล้ว" หรือ "พรหมลิขิต" ตรงนี้เหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันมีอยู่แล้ว มันถูกกำหนดไว้แล้ว เวลาเคลื่อนที่ไปบนเส้นทางที่กำหนด มีรูปแบบ และเวลาอาจซ้อนทับกันได้ในบางตำแหน่งของจักรวาล
เวลาสำหรับย่น และขยายได้ แต่ตัวเราที่อยู่ในเหตุการณ์จะไม่ทราบ ต้องเฝ้าดูจากภายนอก ถ้ามีใครคนใดคนคนมองจากนอกจักรวาล ทุกสิ่งที่อย่างที่เกิดขึ้นในจักรวาลอาจเป็นเพียงเสี้ยวของเสี้ยววินาที หรือแทบจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสำหรับเขาคนนั้น
จุดใดจุดหนึ่งในจักรวาลเวลาอาจจะเหมือนแทบหยุดนิ่งทั้งที่เวลาของเราบนโลกมนุษย์เดินทางผ่านมาแล้วหลาย ล้านล้านล้านปี หรืออาจเป็นไปได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น และที่ผ่านมา มันไม่ได้เกิดขึ้นเลย
ผมเฝ้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน และจินตนาการไปไกลแสนไกล และทราบอยู่ในใจตลอดเวลาว่า เราไม่มีทางรู้คำตอบ เพราะจักรวาลเป็นสิ่งที่เร้นลับที่สุดที่เราไม่สามารถจะจินตนาการได้ถึงอย่างแท้จริง
COMMENTS