วันนี้มีโอกาสไปเดินห้าง 2 แห่งด้วยกัน หลังจากเก็บเนื้อเก็บตัวมานาน สวมใส่หน้ากากอย่างแน่นหนาถึงแม้ว่าการติดเชื้อภายในประเทศจะไม่มีในระยะนี้แ...
วันนี้มีโอกาสไปเดินห้าง 2 แห่งด้วยกัน หลังจากเก็บเนื้อเก็บตัวมานาน สวมใส่หน้ากากอย่างแน่นหนาถึงแม้ว่าการติดเชื้อภายในประเทศจะไม่มีในระยะนี้แล้วก็ตาม
สำหรับคนไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้อย่างผมก็ไม่มีปัญหา เพราะสามารถลงชื่อเข้าออกได้ จะว่าไปก็ไม่มีใครบังคับ มันขึ้นอยู่กับความสมัครใจ เพราะถ้าจะเลี่ยงก็สามารถทำได้ไม่อยาก แต่มันมีความสำคัญมากในกรณีที่มีการติดเชื้อในบริเวณที่เราเคยไปเพื่อทางการจะสามารถตรวจสอบกลับมาได้ว่า ในช่วงเวลานั้นมีใครอยู่ภายในบริเวณนั้นด้วย
ทุกคนสวมใส่หน้ากากอย่างพร้อมเพียงกัน บางคนก็ปิดเฉพาะปาก เปิดจมูก ก็เข้าใจในว่ามันหายใจค่อนข้างลำบากพอสมควรสำหรับหน้ากากบางประเภท ผมก็เช่นเดียวกันที่จะต้องหายใจทางปากจะสะดวกกว่า เพราะหน้ากากผ้าสองสามชั้นมันป้องกันได้ดี แต่ก็หายใจลำบากเช่นกัน โดยเฉพาะบางชนิดที่เวลาใช้จมูกหายใจ แต่ผ้ามันถูกอากาศดึงมาปิดจมูกด้วยก็เลยไม่ค่อยได้รับอากาศเข้าปอดเต็มๆ อย่างที่ต้องการ สังเกตุได้ว่า หน้ากากประเภทนั้นๆ น่าจะเหมาะคนจมูกโด่งๆ แบบฝรั่งมากกว่าที่เวลาหายใจแล้วผ้าจะไม่ถูกดูดมาปิดรูจมูก
เห็นแล้วก็น่าชื่นใจ เพราะคนส่วนใหญ่ปกป้องตนเอง แต่ค่อนข้างมีปัญหาเรื่องการเว้นระยะห่าง น่าจะไม่ค่อยมีอยู่ในความคิดของคนจำนวนหนึ่ง ค่อนข้างมีปริมาณมากจริงๆ เท่าที่ผมสังเกตุ เพราะผมค่อนข้างอยากจะเว้นระยะห่าง แต่ก็ทำได้ยากลำบากเช่นกัน หลายคนไม่ค่อยระมัดระวังหรือให้ความใส่ใจในเรื่องของการเว้นระยะเท่าที่ควร
แน่นอนว่า แต่ละห้างในวันนี้คนค่อนข้างล้มหลาม แต่ถ้าเรามีสติ และเดินดูทางข้างหน้าเสมอการเว้นระยะก็สามารถทำได้ ถึงแม้จะไม่มากนักก็ตามแต่ก็ยังดีกว่า
สรุปว่าวันนี้ผมค่อนข้างเหนื่อยกับการเดินห้างที่ต้องกวาดสายตาบอกด้านหน้า ซ้าย ขวาอยู่ตลอดเวลา เพราะมีคนจำนวนหนึ่งที่หันหน้าไปทาง แล้วเดินไปอีกทาง คือ สายตากำลังดูบางอย่างอยู่ แต่ก็ยังอยากจะเดินต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆ โดยไม่สามารถเห็นได้ว่า เดินตรงทาง หรือมีใครอยู่ข้างหน้าหรือเปล่า
กลับถึงบ้านอย่างอ่อนแรง
ฝากไว้น๊ะครับว่า อย่าลืมเว้นระยะ
COMMENTS