ผมเป็นคนหนึ่งที่ค่อนข้างจะทำงานอย่างไม่ลืมหูลืมตา เฉกเช่นหลายๆ คนที่รู้สึกสนุกเมื่อได้ทำงานที่ตนเองรัก แต่กระนั้นก็ตาม ในวันใดที่ผมรู้สึกเหน...
ผมเป็นคนหนึ่งที่ค่อนข้างจะทำงานอย่างไม่ลืมหูลืมตา เฉกเช่นหลายๆ คนที่รู้สึกสนุกเมื่อได้ทำงานที่ตนเองรัก แต่กระนั้นก็ตาม ในวันใดที่ผมรู้สึกเหนื่อยล้า ไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจ การพักผ่อนย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ต้องอะไรมากมายสำหรับการพักผ่อนสำหรับตัวผม แค่หยุด นั่งกินลมชมวิวที่ระเบียงบ้าน ปล่อยให้สมองมันล่องลอยไปจนว่างเปล่า
ผมเคยเขียนบทความหนึ่งเกี่ยวกับความคิดเกิดจากความว่างเปล่า ไม่ใช่เกิดจากการคิด คิดแล้วคิดอีก แต่ความคิดที่เกิดจากความว่างเปล่า ผมก็ประสบพบเจอมานักครั้งไม่ถ้วน เป็นด้วยเพราะเหตุใดนั่นหรือ นั่นเป็นเพราะว่า สมองเรามัวแต่หมกหมุ่นอยู่แต่ในกรอบที่ตนเองสร้างเอาไว้ คือเฉพาะในส่วนที่ตนเองกำลังทำอยู่อย่างใจจดจ่อ
การปล่อยวางซักพัก ทำให้เราสามารถมองเห็นอะไรหลายๆ อย่างในมุมที่กว้างขึ้น ก่อนเหตุการณ์นั้นจะเกิด เราต้องทำใจให้สงบ คือ ลืมเรื่องราวที่เรากำลังทำอยู่อย่างใจจดจ่อให้หมดสิ้นไปเสียก่อน เมื่อได้ความสงบแล้ว ให้เราคิดในมุมกว้าง ซึ่งผมไม่สามารถอธิบายได้ว่าคำว่ามุมกว้างของผมมันเป็นอย่างไร แต่หลายๆ ครั้งความคิดดีๆ ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้สานต่อจากสิ่งที่เพิ่งทำไปหรือทำค้างเอาไว้
เอ๊ะ...มันยังไงกัน
ยกตัวอย่าง ก่อนหน้านี้ประมาณ 3 ชั่วโมงที่แล้วหลังจากรับประทานอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งใจจะทำงานต่อ แต่รู้สึกว่า ร่างกายไม่ค่อยพร้อมและสมองมันรู้สึกมึนๆ ก็ไม่ฝืนทำต่อไป จากความตั้งใจที่จะทำงานก็เปลี่ยนอย่างฉับพลันเป็นดูหนังดีกว่า
แน่นอนว่าการดูหนังไม่ได้ทำให้เราสงบ แต่ก็ทำให้เราห่างจากสิ่งที่เรากำลังคร่ำเคร่งกับมันอยู่อย่างไร้จุดหมาย สมาธิของผมขณะนั้นอยู่ที่การดำเนินเรื่องของหนัง เพราะฉะนั้นเรื่องงานที่ค้างและยังเป็นปัญหาอยู่มันก็หายไปจากสมองผมอย่างหมดสิ้น เมื่อสมองถูกชำระล้างหมดแล้วจากหนังที่ดูอยู่ก็รู้สึกว่ามันโล่งและปลอดโปร่ง และสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็คือ ผมสามารถคิดอะไรใหม่ๆ ได้ตลอด
นี่ก็เป็นแค่ตัวอย่าง แต่ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆ น้อยๆ
เชื่อผมเถอะ...
ผมเคยเขียนบทความหนึ่งเกี่ยวกับความคิดเกิดจากความว่างเปล่า ไม่ใช่เกิดจากการคิด คิดแล้วคิดอีก แต่ความคิดที่เกิดจากความว่างเปล่า ผมก็ประสบพบเจอมานักครั้งไม่ถ้วน เป็นด้วยเพราะเหตุใดนั่นหรือ นั่นเป็นเพราะว่า สมองเรามัวแต่หมกหมุ่นอยู่แต่ในกรอบที่ตนเองสร้างเอาไว้ คือเฉพาะในส่วนที่ตนเองกำลังทำอยู่อย่างใจจดจ่อ
การปล่อยวางซักพัก ทำให้เราสามารถมองเห็นอะไรหลายๆ อย่างในมุมที่กว้างขึ้น ก่อนเหตุการณ์นั้นจะเกิด เราต้องทำใจให้สงบ คือ ลืมเรื่องราวที่เรากำลังทำอยู่อย่างใจจดจ่อให้หมดสิ้นไปเสียก่อน เมื่อได้ความสงบแล้ว ให้เราคิดในมุมกว้าง ซึ่งผมไม่สามารถอธิบายได้ว่าคำว่ามุมกว้างของผมมันเป็นอย่างไร แต่หลายๆ ครั้งความคิดดีๆ ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้สานต่อจากสิ่งที่เพิ่งทำไปหรือทำค้างเอาไว้
เอ๊ะ...มันยังไงกัน
ยกตัวอย่าง ก่อนหน้านี้ประมาณ 3 ชั่วโมงที่แล้วหลังจากรับประทานอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งใจจะทำงานต่อ แต่รู้สึกว่า ร่างกายไม่ค่อยพร้อมและสมองมันรู้สึกมึนๆ ก็ไม่ฝืนทำต่อไป จากความตั้งใจที่จะทำงานก็เปลี่ยนอย่างฉับพลันเป็นดูหนังดีกว่า
แน่นอนว่าการดูหนังไม่ได้ทำให้เราสงบ แต่ก็ทำให้เราห่างจากสิ่งที่เรากำลังคร่ำเคร่งกับมันอยู่อย่างไร้จุดหมาย สมาธิของผมขณะนั้นอยู่ที่การดำเนินเรื่องของหนัง เพราะฉะนั้นเรื่องงานที่ค้างและยังเป็นปัญหาอยู่มันก็หายไปจากสมองผมอย่างหมดสิ้น เมื่อสมองถูกชำระล้างหมดแล้วจากหนังที่ดูอยู่ก็รู้สึกว่ามันโล่งและปลอดโปร่ง และสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็คือ ผมสามารถคิดอะไรใหม่ๆ ได้ตลอด
นี่ก็เป็นแค่ตัวอย่าง แต่ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆ น้อยๆ
เชื่อผมเถอะ...
COMMENTS