หลังจากที่ได้รับทราบข่าวเรื่องการพักชำระหนี้ของดูไบเวิลด์แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย และหาเหตุผลที่ชัดเจนไม่ได้ ต่างคาดการณ์และวิเคราะห์สถานะการณ์...
หลังจากที่ได้รับทราบข่าวเรื่องการพักชำระหนี้ของดูไบเวิลด์แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย และหาเหตุผลที่ชัดเจนไม่ได้ ต่างคาดการณ์และวิเคราะห์สถานะการณ์กันต่างๆ นานา หลายฝ่ายพุ่งเป้าไปที่เรื่องการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ไม่เฉพาะที่ดูไบแต่ทุกๆ ที่ที่ดูไบเวิลด์เข้าไปทำธุรกิจ ผลอาจจะสืบเนื่องมาจากการวิกฤติเศรษฐกิจที่อเมริกาหรือเปล่า อยากที่จะคาดเดาในความคิดส่วนตัวของผมเอง(จริงๆ)
จากการสังเกตุตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทยจะเห็นได้ว่า มีการเทขายหุ้นอย่างหนักในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาจากต่างชาติ บ้างก็วิเคราะห์ว่าเป็นการปรับฐาน แต่มันมีกลิ่นแปลกๆ พิกลในสายตาของผมอีกนั่นแหละ บ้างก็วิเคราะห์กันว่าสถานะการณ์ที่ดูไบมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยน้อยมาก เพราะธุรกิจระหว่างไทยกับดูไบมีค่อนข้างน้อย ผมก็ไม่ใช่นักวิเคราะห์ในเรื่องเศรษฐกิจ อาจจะเหมือนจำอวดมากกว่า แต่ก็นั่นแหละครับ สถานะการณ์แบบนี้มันก็ต้องเกาะติดให้ดีเพื่อที่จะได้ตั้งรับได้ทัน ไม่ใช่ถอยหนีและก็ไม่ใช่หยุดอยู่กับที่
ผมไม่อาจคาดเดาได้ว่า วันจันทร์จะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดหลักทรัพย์ไทย อาจมีการเทขายอีกระลอกหรือเปล่า แต่นั่นก็คงไม่กระทบกับผมหรือชาวบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่ง จำได้ว่าเหตุการณ์เมื่อปี 2540 หลายๆ คนสิ้นเนื้อประดาตัวไปกับตลาดหลักทรัพย์ แต่ก็มีบางกลุ่มที่ล้มบนฟูก ก็สุดแล้วแต่จะคิดกัน แต่ถามชาวบ้านว่ามีอะไรกระทบกับเค้าหรือเปล่า ค่าเงินบาทลดมีผลอะไรมั๊ย คำตอบคือ มันก็หนึ่งบาทเหมือนเดิม เดินไปเก็บผักหาปลาก็ยังได้เหมือนเดิม วิถีชีวิตก็ไม่เห็นเปลี่ยน เค้าเป็นอะไรกันน๊ะพวกคนใส่สูทผูกไท ถึงจะเป็นจะตายกันได้ขนาดนั้น นี่เห็นไหม เงินในบัญชีห้าพันกว่าบาทก็อยู่เท่าเดิม ไม่เห็นมันลดตรงไหน นับวันมันก็จะเพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยแบบเอื้ออาทร สู้ปลูกผักเลี้ยงปลาก็ไม่ได้ โตเร็วกว่าดอกเบี้ยอีก
ฉันเป็นเกษตรกร ฉันปลูก ฉันเลี้ยง ฉันก็ได้กิน ว่าแต่สถานะการณ์ที่ดูไบเนี๊ยะจะมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของผักที่ฉันปลูกหรือเปล่า ชักกังวลอยู่เหมือนกัน
จากการสังเกตุตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทยจะเห็นได้ว่า มีการเทขายหุ้นอย่างหนักในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาจากต่างชาติ บ้างก็วิเคราะห์ว่าเป็นการปรับฐาน แต่มันมีกลิ่นแปลกๆ พิกลในสายตาของผมอีกนั่นแหละ บ้างก็วิเคราะห์กันว่าสถานะการณ์ที่ดูไบมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยน้อยมาก เพราะธุรกิจระหว่างไทยกับดูไบมีค่อนข้างน้อย ผมก็ไม่ใช่นักวิเคราะห์ในเรื่องเศรษฐกิจ อาจจะเหมือนจำอวดมากกว่า แต่ก็นั่นแหละครับ สถานะการณ์แบบนี้มันก็ต้องเกาะติดให้ดีเพื่อที่จะได้ตั้งรับได้ทัน ไม่ใช่ถอยหนีและก็ไม่ใช่หยุดอยู่กับที่
ผมไม่อาจคาดเดาได้ว่า วันจันทร์จะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดหลักทรัพย์ไทย อาจมีการเทขายอีกระลอกหรือเปล่า แต่นั่นก็คงไม่กระทบกับผมหรือชาวบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่ง จำได้ว่าเหตุการณ์เมื่อปี 2540 หลายๆ คนสิ้นเนื้อประดาตัวไปกับตลาดหลักทรัพย์ แต่ก็มีบางกลุ่มที่ล้มบนฟูก ก็สุดแล้วแต่จะคิดกัน แต่ถามชาวบ้านว่ามีอะไรกระทบกับเค้าหรือเปล่า ค่าเงินบาทลดมีผลอะไรมั๊ย คำตอบคือ มันก็หนึ่งบาทเหมือนเดิม เดินไปเก็บผักหาปลาก็ยังได้เหมือนเดิม วิถีชีวิตก็ไม่เห็นเปลี่ยน เค้าเป็นอะไรกันน๊ะพวกคนใส่สูทผูกไท ถึงจะเป็นจะตายกันได้ขนาดนั้น นี่เห็นไหม เงินในบัญชีห้าพันกว่าบาทก็อยู่เท่าเดิม ไม่เห็นมันลดตรงไหน นับวันมันก็จะเพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยแบบเอื้ออาทร สู้ปลูกผักเลี้ยงปลาก็ไม่ได้ โตเร็วกว่าดอกเบี้ยอีก
ฉันเป็นเกษตรกร ฉันปลูก ฉันเลี้ยง ฉันก็ได้กิน ว่าแต่สถานะการณ์ที่ดูไบเนี๊ยะจะมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของผักที่ฉันปลูกหรือเปล่า ชักกังวลอยู่เหมือนกัน
COMMENTS